มหามนตราพยากรณ์ดวงชะตาชีวิตด้วยคัมภีร์มหาภูติ *ศาสตร์พม่าโบราณ*

มหามนตราพยากรณ์ดวงชะตาชีวิตด้วยคัมภีร์มหาภูติ *ศาสตร์พม่าโบราณ*


มหามนตราพยากรณ์


 

มหามนตราพยากรณ์ดวงชะตาพร้อมให้คำแนะนำการเสริมดวง แก้ไขอุปสรรคของชีวิตให้แก่ท่านโดยใช้ศาสตร์การพยากรณ์ด้วยคัมภีร์มหาภูติตามตำรับพม่าโบราณ ขอเรียนเชิญท่านสัมผัสได้ด้วยตนเอง ณ บ้านมหามนตรา

 

ความเป็นมาของโหราศาสตร์ -  คัมภีร์มหาภูติ

 

    โหราศาสตร์ได้ถือว่ากำเนิดเกิดขึ้นในโลกนี้ประมาณ 5,000 ปีที่แล้ว (ความจริงมีมาก่อนนี้อีกแต่หลักฐานไม่ปรากฎแน่ชัด) คัมภีร์เล่มแรกของโลก ชื่อ "ปะราสะริโหรา" ของมหาฤาษีปะราสะระ ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่ใช้กันแพร่หลายในภารตะขณะนี้ ต่อมามหาฤาษีไชมินี ซึ่งเป็นผู้รู้แจ้งโลกด้วยอำนาจฌาณ(สมาธิ)ได้รจนาคัมภีร์ขึ้นมาอีก 1 คัมภีร์ โดยยึดหลักของคัมภีร์ ปะราสะริ มีอยู่ 4 อัธยายะ(4 เรื่องใหญ่ๆ)ซึ่งแม่นยำและแน่นอน สามารถใช้พยากรณ์ได้ทุกๆเรื่อง ต่อมาขุนโหรผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ชื่อ "วราหะมิหิรา" ได้รจนาคัมภีร์ "พฤหัตชาฎก" ขึ้นมาเป็นบทเรียนอีก 1 เล่มซึ่งได้อธิบายดวงทุกดวงไว้อย่างชัดเจน รวมทั้งเหตุดี เหตุร้าย ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร ซึ่งทุกวันนี้โหรทั้งโลกก็ใช้เล่มนี้เป็นหลักในการพยากรณ์ วรหะมิหิรา เป็นโหรในราชสำนักของ พระเจ้าวิกรมาฑิต และเป็นผู้ให้ฤกษ์พระเจ้าวิกรมฑิต ขึ้นไปรบกับเทวดาบรสวรรค์ และพระองค์ทรงรบชนะเทวดาและได้ยึดสวรรค์เป็นเมืองขึ้น ตามบันทึก กษัตริย์ที่รบชนะเทวดามีอยู่ 2 พระองค์เท่านั้น องค์แรกคือ "อรชุน" องค์ที่ 2 คือ พระวิกรมาฑิต ผู้สนใจเรื่องของอรชุน สามารถไปศึกษาได้ในคัมภีร์ ภควัทคีตา ต่อมาประมาณ พ.ศ. 300 พระเจ้าอโศกมหาราช ได้กรีฑาทัพเข้ารุกรานแว่แคว้นต่างๆในภารตะประเทศ เพื่อมุ่งปราบดาภิเษกพระองค์เป็นมหาจักรพรรดิ์ ผู้พิชิตชมพูทวีป รวบรวมอาณาจักรเล็ก อาณาจักน้อย อาณาจักรต่างๆให้เป็นอาณาจักรเดียวกัน ภาวะแห่งสงครามส่งผลให้ชาวอินเดียทางภาคใต้ รวมทั้งพราหมณาจารย์ ผู้ทรงจำศีล ทรงพระเวท ต้องพากันอพยพหนีภัยสงครามเข้ามาสู่ดินแดนอันเป็นประเทศเขมร(กัมพูชา)ในขณะนี้ โดยมี โกญฑัญญะพราหมณ์ เป็นผู้นำ และต่อมาโกญฑัญญะพราหมณ์ ได้อภิเษกสมรสกับนางพญา ผู้เป็นประมุขของถิ่นนั้น(ไม่ปรากฎชื่ออะไร) โกญฑัญญะพราหมณ์ ได้สถาปนาตนขึ้นเป็นกษัตริย์ครองอาณาจักรขอมตั้งแต่บัดนั้นและได้แผ่อำนาจขยายความเจริญรุ่งเรืองเขตแคว้นออกมาในแหลมทอง และได้อบรมสั่งสอนคนไทยได้เรียนรู้โหราศาสตร์ได้สำเร็จคือ พระมหาธรรมราชาพญาลิไท ซึ่งเป็นหลานปู่ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และพญาลิไท ได้ทรงประดิษฐ์ ปฏฺิทินโหร (ปูมโหร) ขึ้นใช้เป็นครั้งแรกในสยาม(ประเทศไทย)และโหราจารย์ได้ใช้พยากรณ์กันทุกวันนี้

  ต่อมาภายหลังกรุงสุโขทัยเสื่อมอำนาจลง สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ได้สถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้น พระเจ้าอู่ทองจึงได้ทรงนำเอาคัมภีร์โหราศาสตร์และผู้รู้พระเวทย์(พราหมณ์)ทั้งปวง มาอยู่กรุงศรีอยุธยา คนไทยจึงได้เรียนโหราศาสตร์กันอย่างถูกต้องและสมบูรณ์(แต่เรียนได้เฉพาะคนในราชสำนัก) ยุคที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของโหราศาสตร์ คือ ยุคพระเจ้าปราสาททอง เป็นพระเจ้าแผ่นดิน

   ในพงศาวดารฉบับหอสมุดแห่งชาติมีบันทึกกล่าวไว้ว่า ครั้งหนึ่งขณะที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงว่าราชการอยู่ ขณะนั้นมีหนูตัวหนึ่งตกลงมาจากเพดานต่อหน้าพระพักตร์ ทันใดนั้นพระองค์ทรงเอาขันทองครอบหนูเอาไว้ และได้ตรัสเรียกพระยาโหราเข้ามาถาม พระยาโหรจึงหยิบกระดานโหรขึ้นมาผูกกาลชะตาดู สักครู่หนึ่งจึงตอบว่า "เป็นสัตว์จตุบาทพะยะค่ะ" พระเจ้าปราสาททอง ตอบว่า ถูก และทรงตรัสถามต่อไปอีกว่า มีกี่ตัว พระยาโหรตอบว่า มี 2 ตัวพะยะค่ะ พระเจ้าปราสาททองจึงตอบว่า "ผิด" มึงหัวขาดแน่ไอ้โหรฯให้ยอมแพ้ซะ แต่พระยาโหรฯตอบว่า ไม่ผิดหรอกถ้าผิดยอมหัวขาดพะยะค่ะ พระเจ้าปราสาททองหัวร่อร่าพร้อมทั้งเปิดขันที่ครอบไว้ทันที ปรากฎว่า แม่ของหนูวิ่งออกไปทันทีและได้คลอดลูกหนูทิ้งไว้อีก 1 ตัว ทุกคนเห็นเป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก จนมีชื่อเสียงได้รับการขนานนามมาจนทุกวันนี้ว่า "โหราทายหนู"

  ต่อมา พ.ศ. 2310 ถึงคราวกรุงศรีอยุธยาเสื่อมอำนาจ พม่าบุกเข้ายึดกรุงศรีอยุธยาได้ อยุธยาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า และพม่าสั่งเผาคัมภีร์วิทยาการทั้งหมด รวมทั้งคัมภีร์โหราศาสตร์ด้วย เผาอยู่กันถึง 15 วัน 15 คืน คัมภีร์ต่างๆจึงถูกเผาหมด คนไทยทั้งประเทศต้องร่ำไห้ ที่เสียทุกสิ่งทุกอย่างให้กับพม่า ต่อมาพม่าได้นำเอาวิทยาการต่างๆของตัวเองเข้ามาสอนให้กับคนไทยที่เห็นเด่นชัดคือ "กลองยาว"(เป็นกลองออกศึกของพม่า) และได้สอนโหราศาสตร์ให้กับคนไทย มีคัมภีร์มหาภูติ,กาลโยคพม่า และยามอุบากอง (ไทยเรียกว่า ยามพม่าแหกคุก)และอีกหลายๆคัมภีร์ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่

  ต่อมาอีก 16 ปี พระเจ้าตากสินได้รวบรวมคนไทยผู้รักชาติตีเมืองคืนมาได้จากพม่าสำเร็จด้วยความเหนื่อยยาก และได้สั่งเผาเอกสาร,ตำราต่างๆของพม่าบ้าง เผาอยู่ 15 วัน 15 คืนเช่นเดียวกันจึงหมด แต่ตำราโหราศาสตร์ของพม่าก็ยังมีเรียนกันอยู่ทุกวันนี้และได้รวบรวมโหราจารย์หลายท่านให้เขียนตำราโหราศาสตร์ขึ้นใหม่อีก

  ต่อมาในยุครัตนโกสินทร์ปัจจุบันนี้และบับถอยหลังไปอีกประมาณ 55 ปี(ประมาณ พ.ศ. 2497)ได้มีขุนโหร คณะหนึ่งอาทิเช่น ร.ต.อ.เปี่ยม บุญญะโชติ,อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร,อาจารย์ทองเจือ อ่างแก้ว,พ.อ.ประจวบ วัชระปาน,อาจารย์ศิระ นามะสนธิ และอาจารย์อีกมากมายหลายท่าน ได้รวบรวมตำราโหราศาสตร์ไว้อย่างครบถ้วนและถูกต้องสมบูรณ์ให้ได้ใช้พยากรณ์กันจนทุกวันนี้

  บัดนี้ คัมภีร์มหาภูติ หนึ่งในมหาคัมภีร์โหราศาสตร์ที่ทรงอานุภาพของความศักดิ์สิทธิ์แห่งโหราศาสตร์ได้ถูกอนุรักษ์ไว้โดยมหามนตรา จากการสืบสายวิชาจาก ท่านโหราจารย์ดวงสุริยะเนตร และอาจารย์ศราวุธ หลานดวงสุริยะเนตร มาจนบัดนี้

 


สีผึ้งพญากามามหามนตรา รุ่นเสาร์ห้า 2562

นับเป็นสีผึ้งมนต์มหาเสน่ห์แบบ *กามราคะ* ที่อาจารย์โอม มหามนตรา จัดสร้างขึ้นเป็นพิเศษ ทั้งมวลสารที่เข้มข้น ฤกษ์ในการปลุกเสกที่สุดเข้มขลังผสมด้วยมวลสารที่สร้างเสน่ห์เร่าร้อนจับจิตจับใจ